|
ที่ท่าเรือไม่ไกลนัก นักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ที่เพิ่งเดินทางมาใหม่กำลังทยอยกันเดินลงมาจากเรือหอบหิ้วสัมภาระพะรุงพะรัง คนที่กำลังจะเดินทางกลับยืนรออยู่ที่ชายฝั่งอย่างใจเย็น บางคนยืนจิบน้ำมะพร้าวจากลูกที่ถูกเปิดฝาออกและประดับด้วยดอกกล้วยไม้เล็กๆ สีบานเย็นดูเข้าบรรยากาศ
"เห้ย!!! นั่นอะไรวะ?"
เสียงใครสักคนตะโกนขึ้นด้วยน้ำเสียงตระหนกตกใจ ทำลายบรรยากาศความสุขสงบของชายฝั่งพีพี
"ทำไมน้ำทะเลมันแห้งลงไปแบบนั้นหละ???"
"หึยย ... น้ำลงเหรอ?"
"เหมือนทะเลมีรูเลย"
|
เพียงชั่วพริบตา ชายหาดของเกาะพีพีทั้งเกาะที่มีน้ำทะเลสีเขียวมรกตก็ดูเหมือนกำลังจะเหือดแห้ง น้ำลดระดับลงจนมองเห็นหาดทรายยื่นไกลออกไปในบริเวณที่เคยเป็นทะเลมากกว่าเดิมร่วมร้อยเมตร ดูเหมือนแผ่นดินจะมีรอยแยกสูบเอาน้ำทะเลออกไปจริงๆ ชายหนุ่ม 2-3 คนคว้ากล้องดิจิตอลติดมือวิ่งตามน้ำที่กำลังลดระดับออกไป หมายมั่นที่จะเก็บภาพรอยแตกของแผ่นดินเพื่อที่จะนำไปอวดเพื่อนฝูงถึงปรากฏการณ์มหัศจรรย์ริมฝั่งอันดามัน ในขณะที่ผู้คนหลายคนทยอยกันเดินตามไป บางคนที่ยังเคอะเขินอยู่ก็ยืนชะเง้อมองวิพากย์วิจารณ์สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นไปตามภูมิความรู้ที่มี
|
"ตอนนี้เป็นเวลาน้ำลงเหรอ?"
นักท่องเที่ยวคนหนึ่งถามคนขับเรือที่กำลังงุนงงกับสภาพของเรือตัวเองที่จมอยู่กับกองทรายริมชายหาด
"ไม่ใช่สิครับ"
คนขับเรือผิวคล้ำกร้านแดดในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาว กางเกงผ้าสีดำตอบด้วยสำเนียงท้องถิ่นพร้อมกับปาดเหงือที่ผุดออกมาบนใบหน้า แววตาฉงนพอกัน
"ผมอยู่ที่นี่มาสามสิบปีแล้ว ไม่เคยเป็นแบบนี้"
สิ้นเสียงตอบของคนขับเรือ เสียงอื้ออึงก็ดังเลื่อนลั่นขึ้นที่ชายหาดไกลสุดลูกตา มองเห็นตากล้องสมัครเล่นที่วิ่งตามน้ำลดไปเมื่อสักครู่กำลังวิ่งย้อนศรกลับขึ้นมา ท่าทางตกอกตกใจ เสียงน้ำเสียงคลื่นในทะเลกำลังตามเข้ามาพอกัน ความอลหม่านกำลังจะเกิดขึ้น
|
"หนีเร็ววววววววว"
เสียงตะโกนร้องดังแว่วมาแต่ไกล ทำให้ผู้คนบนชายฝั่งแทบทุกคนที่กำลังสนใจอยู่กับระดับน้ำที่ลดหายไปต้องยิ่งเพิ่มความสนใจไปที่ต้นเสียงที่กำลังวิ่งกลับเข้ามาสุดกำลังฝีเท้า
"วิ่งงงงงงงงง วิ่งงงงง .... !!!"
"ฉิบหายแล้ว!"
เสียงตะโกนตอบรับยังไม่ทันสุดเสียงดี ชายฝั่งที่เหือดแห้งไปเมื่อสักครู่ก็มีน้ำถาโถมใส่เข้ามา มากมายเกินกว่าจะนับจะประมาณได้ ความสับสนอลหม่านเกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว ผู้คนหวีดร้อง เสียงร้องไห้ เสียงสบถด่าดังขึ้นก่อนที่ทุกคนจะพยายามกระเสือกกระสนหาทางหนีกระแสน้ำที่กำลังเชี่ยวกราก บ้าคลั่งเหมือนจงใจพุ่งเป้าหมายสังหารหมู่สู่ทุกชีวิตที่อยู่บนเกาะ
ตากล้องสมัครเล่นที่เพิ่งคว้ากล้องดิจิตอลวิ่งตามสายน้ำลงไปถูกน้ำทะเลที่วิ่งกลับเข้ามาซัดหายไปต่อหน้าต่อตา เสียงกรีดร้องของคนที่มองดูอย่างตื่นตระหนกบนฝั่งไม่สามารถทำให้เหตุการณ์อะไรดีขึ้น
|
|
เพียงชั่วไม่กี่อึดใจน้ำทะเลวิปโยคก็กวาดเอาทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่บนชายฝั่งเละเทะระเนระนาดลอยเข้าไปกองรวมกันอยู่บนพื้นที่เกาะด้านในเป็นระยะทางกว่า 300 เมตร ระดับน้ำสูงจนเกือบจะมิดหัวฝรั่งผมทองร่างใหญ่ๆ ใครที่ร่างกายแข็งแรงก็พยายามกระเสือกกระสนปีนขึ้นไปบนชั้นสองของอาคารหลังน้อยใหญ่ที่เรียงรายอยู่ตามแนวชายฝั่ง ใครที่เกาะกุมไม่ได้ก็ปลิวลอยตามกระแสน้ำไป เสียงกระจกแตก เสียงกรอบแกรบของการหักพังทลายของสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ดังอึงมี่
อึดใจต่อมา หลังจากพังทลายบ้านเรือน อาคารบังกะโลชายหาดเป็นที่สำราญใจแล้ว กระแสน้ำมรณะก็ไหลย้อนกลับกวาดทุกสิ่งทุกอย่างลงสู่ทะเล สภาพพื้นที่โดยรอบพังเสียหายยับเยิน ไม่เหลือเค้าความสวยงามและบรรยากาศน่าอภิรมย์อีกต่อไป
เสียงร้องไห้และการกรีดร้องดังกระหึ่มขึ้นอย่างไม่ต้องนัดหมาย ผู้คนที่ยังหลงเหลืออยู่ มีเพียงไม่กี่คนที่ปลอดภัยโดยไม่ได้รับบาดเจ็บ บางคนหัวแตก บางคนขาหัก เสื้อผ้าอาภรณ์ยับเยิน เสียงตะโกนโหวกเหวก บรรยากาศสับสนเกินกว่าจะพรรณนาได้
|
|
"ไอ้เหี้ยเอ๊ยยยย นี่มันอะไรวะ !!!"
"ร้านกู!!! .... หมดกัน"
"Jesus Christ !!! ... What da Fuck !!!"
...
...
ยังไม่ทันขาดคำ คลื่นระลอกใหม่ก็พัดกลับเข้ามาอีกครั้ง ... คราวนี้ระดับคลื่นสูงกว่าสิบเมตร! ชายหนุ่ม หญิงสาว ที่รอดตายอยู่ที่ริมฝั่งเบิกตาโพลงด้วยความกลัวสุดชีวิต ขาสั่น ปากสั่น ไม่มีเสียงร้องใดๆ หลุดรอดออกมา .... ที่ยังมีแรงวิ่งได้ก็หนีสุดแรงเกิดอีกครั้ง ที่กำลังนิ่งเฉยอยู่กับอาการตื่นตะลึงก็จมหายไปพร้อมกับคลื่นยักษ์ระลอกที่สองนั้น
เสี้ยววินาทีมรณะนั้น ไม่มีใครสักคนบนเกาะพีพีรู้ว่าคลื่นยักษ์สองลูกใหญ่ที่กำลังปลิดชีวิตและทำลายล้างสิ่งปลูกสร้างต่างๆ เป็นเพียงการอุ่นเครื่องที่ท้องทะเลอันดามันกำลังส่งสัญญาณบอกให้เตรียมตัว เพราะอีกไม่กี่นาทีต่อมาคลื่นลูกใหญ่ที่สูงกว่าสามสิบเมตรก็พุ่งตรงเข้ามาเยือน
เพียงวูบเดียว ....
โลกทั้งโลกของผู้คนกว่าสองแสนคนก็ดับมืดลง ...
|
|